
“วัดราชบูรณะ” เป็นวัดพุทธในจังหวัดอยุธยา ปรางค์ประธานของวัดถือว่ามีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทย วัดราชบูรณะตั้งอยู่ในส่วนของเกาะอยุธยาทางเหนือของวัดมหาธาตุ ก่อตั้งขึ้นในปี พ. ศ. 1967 โดยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) แห่งอาณาจักรอยุธยา หลายคนรู้จักเรื่องราวประวัติศาสตร์ของวัดแห่งนี้กันดีในเรื่องราวของ “โจร” ที่เข้ามาแอบขุดหาของล้ำค่าภายในพระปรางค์ประธาน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2499 ของที่โจรได้นำไปนั้นถือเป็นสมบัติอันล้ำค่าของประเทศ และตีเป็นมูลค่าเงินไม่ได้
หลังจากที่กรมศิลปากรเข้ามาสำรวจก็ได้พบกับสมบัติที่ยังเหลืออยู่มากมาย เป็นทองคำนวนมหาศาลที่ยังหลงเหลืออยู่ ทางกรมศิลปากรก็ได้นำส่งมอบให้อยู่ในการดูแลของห้องราชบูรณะ ซึ่งอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา
โบราณสถานที่สำคัญ
สถานที่สำคัญที่สุดของในวัดราชบูรณะคือ “ปรางค์ประธาน” เป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองให้คล้ายกับ “เขาพระสุเมรุ” สำหรับปรางค์ในสถาปัตยกรรมไทยไทยมักจะทำให้ฐานยกสูงจากพื้น ซึ่งต่างจากปรางค์ของวัฒนธรรมขอมที่มีฐานเตี้ย หลังจากที่กรมศิลปากรได้ทำการขุดกรุได้สมบูรณ์แล้วจึงเปิดให้ผู้สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมภายในกรุได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ห้อง ในห้องที่ 1 ภายในห้องนี้ประกอบไปด้วยภาพวาดล้ำค่า มีผนังใส่พระพุทธรูปทองคำหน้าตัก 1 ศอก (50 เซนติเมตร) ประมาณ 3 – 4 องค์ ซึ่งคนร้ายได้ขโมยออกไป ห้องที่ 2 เต็มไปด้วยทองคำมากมายวางไว้บนโต๊ะสำริดขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมี “ผ้าทองคำ” ที่ขโมยได้นำออกไปด้วยเช่นกัน
ในห้องสุดท้ายถือเป็นห้องที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นห้องที่บรรจุ “พระบรมธาตุ” บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยทองคำและพระพุทธรูปมากมาย ของส่วนใหญ่ที่ถูกขโมยไปคือห้องที่ 2 – 3 โชคดีในวันเกิดเหตุได้เกิดฝนตกหนักทำให้โจรต้องรีบขนของออกมาอย่างเร่งรีบจนนำออกไปได้เพียงส่วนหนึ่ง ไม่นานตำรวจก็สามารถตามสืบพร้อมกับนำของกลางกลับมาได้บางส่วน ของที่หลงเหลือภายในกรุนั้นมีมากกว่า 2 พันรายการ ประกอบไปด้วยพระพิมพ์ และทองคำน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม
สำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปเยี่ยมชมความล้ำค่าทางประวัติศาสตร์สามารถเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครใช้ทางหลวงหมายเลข 32 และให้เลี้ยวซ้ายเข้าอยุธยา เปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุดตั้งแต่เวลา 8 โมง จนถึง 4 โมงเย็น ค่าบริการของคนไทยจะอยู่ที่คนละ 10 บาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ 30 บาท คนที่อยากถ่ายรูปสวยๆ ในตอนกลางคืนช่วง 1 ทุ่มเป็นต้นไปจะมีการเปิดไฟส่องโบราณสถานต่างๆ ทำให้เห็นภาพบรรยากาศสวยงามได้ในยามค่ำคืน โดยจะปิดไฟในเวลา 3 ทุ่ม